สาเหตุของการเกิดคลื่นสึนามิ
คลื่นสึนามิเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกันดังนี้
1. การระเบิดอย่างรุนแรงของภูเขาไฟใกล้ทะเล
2. การเกิดแผ่นดินเลื่อนถล่มใต้ทะเล หรือใกล้ฝั่ง
3. การเกิดจากก้อนหินตกลงในอ่าวหรือมหาสมุทร
4. การเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกด้วยแรงเทคโทนิคจากแผ่นดินไหว ซึ่งอาจจะเป็นการเกิดแผ่นดิน ถล่มยุบตัวลง หรือเปลือกโลกถูกดันขึ้นหรือยุบตัวลง ทำให้มีน้ำทะเลปริมาตรมหาศาลถูกดันขึ้น หรือทรุดตัวลง อย่างฉับพลัน พลังงานมหาศาลจะถ่ายเทไปเกิดการเคลื่อนตัวของน้ำทะเลเป็นคลื่นยักษ์ที่เหนือทะเลลึก ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปกติเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น จึงไม่สามารถแม้แต่จะบอกได้ด้วยภาพถ่าย จากเครื่องบินหรือยานอวกาศ
5. การเกิดระเบิดใหญ่ใต้น้ำจากนิวเคลียร์
กล่าวโดยทั่วไป คลื่นสึนามิเกิดจากการเคลื่อนตัวของพื้นมหาสมุทรในแนวดิ่ง เนื่องจากแรงเทคโทนิค จากแผ่นดินไหว ซึ่งจะมีขนาดใหญ่ ส่วนกรณีที่มีการเคลื่อนตัวตามแนวนอน มักเกิดบริเวณที่มีภูเขาใต้น้ำ หรือหน้าผาใต้น้ำ โดยจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก การเคลื่อนตัวตามแนวดิ่งขึ้น และลงของพื้นมหาสมุทร ขณะเกิดแผ่นดินไหว จะเกี่ยวข้องกับความสูงของลำน้ำที่เพิ่มขึ้น เมื่อมีการสั่นสะเทือน อนุภาคน้ำจะกระเพื่อม ขึ้นและลง เริ่มต้นเป็นศูนย์กลางของการแผ่กระจายคลื่นน้ำออกไปทุกทิศทาง ความสูง ขนาด การเคลื่อนที่ และความเร็วของคลื่น น้ำจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และสูงสุดใกล้ชายฝั่ง บริเวณแหล่งกำเนิดในทะเล แทบจะไม่ปรากฏผลกระทบจากคลื่นสึนามิ บริเวณชายฝั่งที่มีสภาพภูมิศาสตร์เหมาะสม และความลึกของชายฝั่งตื้น จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินบริเวณชายฝั่งนั้นได้อย่างมาก
1. การระเบิดอย่างรุนแรงของภูเขาไฟใกล้ทะเล
2. การเกิดแผ่นดินเลื่อนถล่มใต้ทะเล หรือใกล้ฝั่ง
3. การเกิดจากก้อนหินตกลงในอ่าวหรือมหาสมุทร
4. การเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกด้วยแรงเทคโทนิคจากแผ่นดินไหว ซึ่งอาจจะเป็นการเกิดแผ่นดิน ถล่มยุบตัวลง หรือเปลือกโลกถูกดันขึ้นหรือยุบตัวลง ทำให้มีน้ำทะเลปริมาตรมหาศาลถูกดันขึ้น หรือทรุดตัวลง อย่างฉับพลัน พลังงานมหาศาลจะถ่ายเทไปเกิดการเคลื่อนตัวของน้ำทะเลเป็นคลื่นยักษ์ที่เหนือทะเลลึก ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปกติเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น จึงไม่สามารถแม้แต่จะบอกได้ด้วยภาพถ่าย จากเครื่องบินหรือยานอวกาศ
5. การเกิดระเบิดใหญ่ใต้น้ำจากนิวเคลียร์
กล่าวโดยทั่วไป คลื่นสึนามิเกิดจากการเคลื่อนตัวของพื้นมหาสมุทรในแนวดิ่ง เนื่องจากแรงเทคโทนิค จากแผ่นดินไหว ซึ่งจะมีขนาดใหญ่ ส่วนกรณีที่มีการเคลื่อนตัวตามแนวนอน มักเกิดบริเวณที่มีภูเขาใต้น้ำ หรือหน้าผาใต้น้ำ โดยจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก การเคลื่อนตัวตามแนวดิ่งขึ้น และลงของพื้นมหาสมุทร ขณะเกิดแผ่นดินไหว จะเกี่ยวข้องกับความสูงของลำน้ำที่เพิ่มขึ้น เมื่อมีการสั่นสะเทือน อนุภาคน้ำจะกระเพื่อม ขึ้นและลง เริ่มต้นเป็นศูนย์กลางของการแผ่กระจายคลื่นน้ำออกไปทุกทิศทาง ความสูง ขนาด การเคลื่อนที่ และความเร็วของคลื่น น้ำจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และสูงสุดใกล้ชายฝั่ง บริเวณแหล่งกำเนิดในทะเล แทบจะไม่ปรากฏผลกระทบจากคลื่นสึนามิ บริเวณชายฝั่งที่มีสภาพภูมิศาสตร์เหมาะสม และความลึกของชายฝั่งตื้น จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินบริเวณชายฝั่งนั้นได้อย่างมาก
อันตรายจากคลื่นสึนามิ
อันตรายต่อบุคคล
1. เสียชีวิต หรือสูญหาย
2. บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น โดนไม้ หรือสิ่งของกระแทก
3. เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ หลังจากเกิดภัยสึนามิ เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินหายใจ โรคน้ำกัดเท้า
4. สุขภาพจิตเสื่อม เนื่องจากการหวาดผวา หวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือความเศร้าโศกจากการสูญเสียบุคคลที่รักและทรัพย์สิน
5. ขาดรายได้ เนื่องจากไม่สามารถทำงานได้ หรือธุรกิจการค้าต่าง ๆ หยุดชะงัก ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ
อันตรายต่อทรัพย์สิน
1. อาคารบ้านเรือน ร้านค้า โรงเรียน สาธารณสถาน และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
2. การสื่อสาร ระบบโทรคมนาคมถูกตัดขาด ไฟฟ้า น้ำประปา ได้รับความเสียหาย
3. แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลถูกทำลาย ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศชาติ
เหตุการณ์คลื่นสึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในโลกในรอบทศวรรษที่ 90 เกิดบริเวณ ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ซึ่งวัดขนาดของแผ่นดินไหว ได้ถึง 8.9 ริชเตอร์ ส่งผลให้เกิดภัยจากคลื่นสึนามิขึ้นที่ประเทศต่าง ๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย ไทย โซมาเลีย พม่า มัลดีฟส์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย แทนซาเนีย แอฟริกาใต้ บังกลาเทศ ส่วนการที่มีชนชาติต่าง ๆ เสียชีวิตจำนวนมากด้วย เนื่องจากคนเหล่านั้นได้เดินทางไปประเทศที่เกิดสึนามิ สำหรับในประเทศไทย เกิดคลื่นสึนามิขึ้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ คือจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ระนอง และสตูล ทำให้เกิดการสูญเสีย อย่างใหญ่หลวง มีผู้เสียชีวิต 5,303 ราย ยอดผู้เสียชีวิตนี้ไม่รวมผู้สูญหาย โดยเฉพาะประเทศไทยแล้ว สึนามิเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้ประสบเหตุไม่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์มาก่อน ไม่มีการเตรียมพร้อม ทำให้ต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
อันตรายต่อบุคคล
1. เสียชีวิต หรือสูญหาย
2. บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น โดนไม้ หรือสิ่งของกระแทก
3. เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ หลังจากเกิดภัยสึนามิ เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินหายใจ โรคน้ำกัดเท้า
4. สุขภาพจิตเสื่อม เนื่องจากการหวาดผวา หวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือความเศร้าโศกจากการสูญเสียบุคคลที่รักและทรัพย์สิน
5. ขาดรายได้ เนื่องจากไม่สามารถทำงานได้ หรือธุรกิจการค้าต่าง ๆ หยุดชะงัก ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ
อันตรายต่อทรัพย์สิน
1. อาคารบ้านเรือน ร้านค้า โรงเรียน สาธารณสถาน และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
2. การสื่อสาร ระบบโทรคมนาคมถูกตัดขาด ไฟฟ้า น้ำประปา ได้รับความเสียหาย
3. แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลถูกทำลาย ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศชาติ
เหตุการณ์คลื่นสึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในโลกในรอบทศวรรษที่ 90 เกิดบริเวณ ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ซึ่งวัดขนาดของแผ่นดินไหว ได้ถึง 8.9 ริชเตอร์ ส่งผลให้เกิดภัยจากคลื่นสึนามิขึ้นที่ประเทศต่าง ๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย ไทย โซมาเลีย พม่า มัลดีฟส์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย แทนซาเนีย แอฟริกาใต้ บังกลาเทศ ส่วนการที่มีชนชาติต่าง ๆ เสียชีวิตจำนวนมากด้วย เนื่องจากคนเหล่านั้นได้เดินทางไปประเทศที่เกิดสึนามิ สำหรับในประเทศไทย เกิดคลื่นสึนามิขึ้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ คือจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ระนอง และสตูล ทำให้เกิดการสูญเสีย อย่างใหญ่หลวง มีผู้เสียชีวิต 5,303 ราย ยอดผู้เสียชีวิตนี้ไม่รวมผู้สูญหาย โดยเฉพาะประเทศไทยแล้ว สึนามิเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้ประสบเหตุไม่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์มาก่อน ไม่มีการเตรียมพร้อม ทำให้ต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
การป้องกันภัยจากสึนามิ
การป้องกันภัยจากสึนามิอาจกระทำได้ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งต้องให้ความร่วมมือกันดังนี้
ภาครัฐ
1. จัดวางผังเมืองให้เหมาะสม โดยพิจารณาจัดให้แหล่งที่อยู่อาศัยอยู่บริเวณที่ห่างจากชายฝั่งทะเล
2. ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องการป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ และแผ่นดินไหว
3. จัดให้มีการฝึกซ้อมรับภัยจากคลื่นสึนามิ
4. วางแผนในเรื่องการอพยพผู้คน การกำหนดสถานที่ในการอพยพ การเตรียมแหล่งสะสมน้ำสะอาด การจัดเตรียมบ้านพักอาศัยชั่วคราว การระสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขณะเกิดภัย การกำหนดขั้นตอน หรือวิธีการชวยเหลือบรรเทาภัยด้านสาธารณสุข การรื้อถอนและฟื้นฟูสิ่งก่อสร้าง
5. หลีกเลี่ยงการก่อสร้างใกล้ชายฝั่งทะเล ในเขตที่มีความเสี่ยงภัยจากคลื่นสึนามิสูง
6. จัดให้มีศูนย์เตือนภัยจากคลื่นสึนามิ
7. มีการประกาศเตือนภัย
ภาคเอกชน
1. ควรให้การสนับสนุนภาครัฐและประชาชนในเรื่องการประชาสัมพันธ์ หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน ในเรื่องการป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ
2. ให้การสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อใช้ในการป้องกันภัยสึนามิ และการช่วยเหลือหลังเกิดภัยพิบัติขึ้น
3. ให้การสนับสนุนด้านกำลังคนในการช่วยเหลือ กรณีเกิดภัยจากสึนามิ
ภาคประชาชน
1. ควรติดตามการเสนอข่าว หรือประกาศเตือนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
2. รู้จักสังเกตปรากฏการณ์ของชายฝั่ง ถ้าน้ำทะเลลดระดับลงมามากหลังเกิดแผ่นดินไหว ให้สันนิษฐานว่า อาจเกิดคลื่นสึนามิตามมาได้ ให้รีบอพยพคนในครอบครัว หรือสัตว์เลี้ยง ให้อยู่ห่างจากชายฝั่งมาก ๆ ควรอยู่ในที่ดอนหรือที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง
3. กรณีที่อยู่ในเรือ ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าเรือหรืออ่าวให้รีบนำเรือออกไปกลางทะเล เมื่อทราบว่าจะเกิด คลื่นสึนามิพัดเข้าหา
4. หากเกิดภัยจากคลื่นสึนามิ พยายามตั้งสติให้มั่น เพื่อเตรียมรับสถานการณ์
5. อย่าลงไปชายหาดเพื่อไปดูคลื่นสึนามิ เพราะเมื่อเห็นคลื่นแล้วก็จะไม่สามารถวิ่งหลบหนีได้ทัน
6. ไม่ควรประมาท กรณีที่มีข่าวว่าจะเกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็ก เนื่องจากคลื่นสึนามิในบริเวณหนึ่ง อาจมีขนาดเล็ก แต่ว่าอีกบริเวณหนึ่งอาจมีขนาดใหญ่ก็ได้
7. คลื่นสึนามิสามารถเกิดขึ้นได้อีกหลายระลอก จากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งเดียว เนื่องจากการ แกว่งไปแกว่งมาของน้ำทะเล ถ้าจะลงไปชายหาดให้รอสักระยะหนึ่ง เพื่อให้แน่ว่าปลอดภัยจากคลื่นแล้ว
ภาครัฐ
1. จัดวางผังเมืองให้เหมาะสม โดยพิจารณาจัดให้แหล่งที่อยู่อาศัยอยู่บริเวณที่ห่างจากชายฝั่งทะเล
2. ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องการป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ และแผ่นดินไหว
3. จัดให้มีการฝึกซ้อมรับภัยจากคลื่นสึนามิ
4. วางแผนในเรื่องการอพยพผู้คน การกำหนดสถานที่ในการอพยพ การเตรียมแหล่งสะสมน้ำสะอาด การจัดเตรียมบ้านพักอาศัยชั่วคราว การระสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขณะเกิดภัย การกำหนดขั้นตอน หรือวิธีการชวยเหลือบรรเทาภัยด้านสาธารณสุข การรื้อถอนและฟื้นฟูสิ่งก่อสร้าง
5. หลีกเลี่ยงการก่อสร้างใกล้ชายฝั่งทะเล ในเขตที่มีความเสี่ยงภัยจากคลื่นสึนามิสูง
6. จัดให้มีศูนย์เตือนภัยจากคลื่นสึนามิ
7. มีการประกาศเตือนภัย
ภาคเอกชน
1. ควรให้การสนับสนุนภาครัฐและประชาชนในเรื่องการประชาสัมพันธ์ หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน ในเรื่องการป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ
2. ให้การสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อใช้ในการป้องกันภัยสึนามิ และการช่วยเหลือหลังเกิดภัยพิบัติขึ้น
3. ให้การสนับสนุนด้านกำลังคนในการช่วยเหลือ กรณีเกิดภัยจากสึนามิ
ภาคประชาชน
1. ควรติดตามการเสนอข่าว หรือประกาศเตือนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
2. รู้จักสังเกตปรากฏการณ์ของชายฝั่ง ถ้าน้ำทะเลลดระดับลงมามากหลังเกิดแผ่นดินไหว ให้สันนิษฐานว่า อาจเกิดคลื่นสึนามิตามมาได้ ให้รีบอพยพคนในครอบครัว หรือสัตว์เลี้ยง ให้อยู่ห่างจากชายฝั่งมาก ๆ ควรอยู่ในที่ดอนหรือที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง
3. กรณีที่อยู่ในเรือ ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าเรือหรืออ่าวให้รีบนำเรือออกไปกลางทะเล เมื่อทราบว่าจะเกิด คลื่นสึนามิพัดเข้าหา
4. หากเกิดภัยจากคลื่นสึนามิ พยายามตั้งสติให้มั่น เพื่อเตรียมรับสถานการณ์
5. อย่าลงไปชายหาดเพื่อไปดูคลื่นสึนามิ เพราะเมื่อเห็นคลื่นแล้วก็จะไม่สามารถวิ่งหลบหนีได้ทัน
6. ไม่ควรประมาท กรณีที่มีข่าวว่าจะเกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็ก เนื่องจากคลื่นสึนามิในบริเวณหนึ่ง อาจมีขนาดเล็ก แต่ว่าอีกบริเวณหนึ่งอาจมีขนาดใหญ่ก็ได้
7. คลื่นสึนามิสามารถเกิดขึ้นได้อีกหลายระลอก จากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งเดียว เนื่องจากการ แกว่งไปแกว่งมาของน้ำทะเล ถ้าจะลงไปชายหาดให้รอสักระยะหนึ่ง เพื่อให้แน่ว่าปลอดภัยจากคลื่นแล้ว
..................................................................................................................................................
จัดทำโดย
นางสาวอมรรัตน์ สุวรรณาภา
ม. 5/5 เลขที่35
จัดทำโดย
นางสาวอมรรัตน์ สุวรรณาภา
ม. 5/5 เลขที่35
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น